วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อังกฤษที่มักใช้ผิดบ่อยๆ


   แม้ว่าภาษาอังกฤษจะไม่ใช่ภาษาราชการของคนไทยเรา แต่ก็ต้องปรบมือให้ที่อย่างน้อยเราก็สามารถสื่อสารกับคนต่างชาติได้ดีในระดับหนึ่ง แม้จะเป็นภาษาพูดที่สปีคกันแบบสเนค ๆ ฟิช ๆ (งู ๆ ปลา ๆ) แต่ก็ยังคุยกันได้รู้เรื่อง (แม้บางครั้งอาจมีการใช้ภาษาสากลอย่างภาามือและภาษากายเข้ามาช่วยด้วยก็ตาม ^^") แต่เมื่อมาถึงการสื่อสารที่เป็นทางการขึ้นอย่างการเขียนแล้วล่ะก็ ต้องยอมรับเลยว่าเรายังไม่ค่อยแม่นเรื่องไวยากรณ์หรือแกรมม่ากันสักเท่าไหร่ ก็เลยมีใช้ผิดใช้ถูกกันอยู่เรื่อย บ้างก็มาจากความสับสนจากการพูด เพราะชินแต่พูดอย่างเดียว แถมยังออกเสียงกันแบบถูกบ้างผิดบ้าง พอให้มาเขียนก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องสะกดอย่างไร


1.  YOUR / YOU'RE
          Your  เป็นสรรพนามใช้แสดงความเป็นเจ้าของ ว่าของสิ่งนั้น อันนั้น เป็นของคู่สนทนา เช่น I'm your girlfriend. (ฉันเป็นแฟนของเธอนะจ๊ะ) 

          You're เป็นรูปย่อของคำว่า you are อันมีความหมายว่า "คุณคือ..." เช่น You're my boyfriend. (คุณคือแฟนของฉันนะ) ทว่าเมื่อถูกนำมาย่อในรูป you're แล้วดันออกเสียงเหมือนกับ your ซะเนียนเลย เมื่อมาสู่ภาษาเขียนก็เลยสร้างความสับสนอยู่ไม่น้อย เพราะออกเสียงกันเพลินจนไม่รู้ว่าจริง ๆ ต้องใช้คำไหนกันแน่ เรื่องนี้ไม่ยากจ้ะ แค่ลองสังเกตจากบริบทโดยรอบก็จะพอให้เดาได้ไม่มีพลาดว่าควรจะเป็น your หรือ you're 

2. IT'S / ITS

            It's 
เป็นรูปย่อของคำว่า it is, it was และ it has

          Its เป็นสรรพนามใช้แสดงความเป็นเจ้าของว่าคือ ของมัน เช่น This dog is very old. Its fur starts to fall off. (เจ้าตูบตัวนี้แก่มากแล้ว ขนของมันเริ่มจะหลุดร่วง) 

          เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในการพูดที่จะนำไปซึ่งการเขียนผิด เวลาต้องการใช้ It's ก็ให้พูดออกมาดัง ๆ เลยว่ามันคือ It is ทีนี้จะได้ไม่เขียนผิดอีกนะ

3. THERE / THEIR / THEY'RE

          มาดูที่ there และ their ซึ่งออกเสียงเหมือนกันอย่างกับแกะกันก่อนเลย ทั้งสองคำนี้แม้จะออกเสียงเช่นเดียวกัน แต่ว่าความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง there ใช้แทนสถานที่ หมายถึง ที่นั่น ในขณะที่ their เป็นสรรพนามใช้แสดงความเป็นเจ้าของ แปลว่า ของพวกเขา หากรู้ความหมายที่ถูกต้องแบบนี้แล้ว ก่อนจะเขียนก็ลองทำความเข้าใจกับประโยคนั้นก่อนว่าต้องการสื่อความว่าอย่างไร รับรองว่าจากนี้ไปไม่ใช้ผิดแน่นอน 

          ส่วน they're คำนี้พบว่าออกเสียงคล้าย ๆ กับ there และ their แต่หากออกเสียงช้า ๆ ชัด ๆ แล้วล่ะก็จะพบว่ามันไม่เหมือนกันเลยล่ะ ทั้งนี้ they're เป็นรูปย่อของ they are ซึ่งแปลว่า "พวกเขาเป็น/อยู่/คือ..." เช่น They're the hottest idols at this moment. (พวกเขาคือเหล่านักร้องที่ฮ็อตที่สุดในตอนนี้) รู้ทั้งการออกเสียงและความหมายที่ถูกต้องของพวกมันแล้ว จะใช้คำไหน ๆ ในครั้งต่อไปคงจะไม่สับสนกันแล้วนะจ๊ะ

4. AFFECT / EFFECT

            Affect 
เป็นกริยา หมายความว่า มีผลต่อหรือส่งผลกระทบ เช่น Your ability to communicate clearly will affect your income. (ความสามารถในการสื่อสารอย่างชัดเจนจะส่งผลต่อรายได้ของคุณนะจ๊ะ ^^) 

          Effect มักใช้เป็นคำนาม แปลว่า ผลกระทบ เช่น The effect of poor grammar on a person's income is well documented. (มีข้อสนับสนุนอย่างชัดเจนว่า ผลกระทบจากการใช้แกรมม่าผิด ๆ นั้นส่งผลต่อรายได้ของบุคคลคนหนึ่ง ๆ )

          เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ effect จากการใช้แกรมม่าผิด ๆ มา affect เงินเดือนของคุณ จากนี้ไปก็อย่าใช้ผิดอีกนะ ;D

5. THEN / THAN

          สองคำนี้แม้จะออกเสียงต่างกัน (then/than - เด็น/แดน) แต่ถ้าไม่ระวัง หรือออกเสียงผิด ๆ มาตั้งแต่ตอนพูดแล้วก็จะก่อให้เกิดความสับสนต่อการเขียนได้

          Then มักใช้เป็นคำวิเศษณ์ (adverb) สามารถใช้ได้ในหลายความหมาย ทั้งแปลว่า นับแต่นั้นเป็นต้นมาในแง่ของเวลา เช่น I had a serious argue with her, she never talks to me again since then. (ผลทะเลาะกับเธอหนักมาก แล้วเธอก็ไม่คุยกับผมอีกเลยนับแต่นั้นมา) หรือใช้เพื่อบอกลำดับขั้นตอน เช่น To make a cake, put the flour in a bowl then crack an egg.. (ในการทำเค้ก ให้ใส่แป้งลงในชาม จากนั้นตอกไข่ลงไป..) 

          Thanใช้ในการเปรียบเทียบของสองสิ่งที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น Watermelon is bigger than orange. (แตงโมลูกใหญ่กว่าส้ม) 

          เห็นหรือยังว่าทั้งสองคำนี้ต่างกันทั้งในเรื่องของเสียงและความหมายอย่างชัดเจนเลยทีเดียว